playlists faocebook CODINew icon_tw Intranet mail
ภาษาไทย english หน้าหลัก

altเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา  ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพฯ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม นำการเสวนาเรื่อง “การทำและใช้ EM Ball ให้เกิดประโยชน์และข้อควรพึงระวัง” เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลที่เกิดประโยชน์และสร้างกัลยาณมิตรในการพูดคุยไม่ให้เกิดความขัดแย้งจากการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ เกิดการสังเคราะห์ข้อมูลและองค์ความรู้ให้แก่สังคมไทยร่วมกัน มีนักวิชาการ, ผู้ผลิต, ผู้ใช้, ปราชญ์ชาวบ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเสวนามีประเด็นสำคัญดังนี้

 
 
 
           

แนวคิดและการก่อเกิด EM Ball

         มูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(คิวเซ) ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ EM Ball และการนำไปใช้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นมานานแล้วจากแนวคิดของ ดร.เทรูโอะ ฮิหงะ แห่งมหาวิทยาลัยริวกิว โดย EM ย่อมาจาก Effective Microorganism มีทั้งแบบก้อน (EM Ball) และแบบน้ำ (EM liquid) แนวคิดนี้เริ่มเป็นที่แพร่หลายในประเทศไทยภายหลังจากการที่มีการใช้สารเคมีในการเกษตรเพิ่มขึ้นทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียและส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตร จึงได้หาแนวทางในการจัดการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยใช้หลักการทำงานของจุลินทรีย์ซึ่งแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด คือ ชนิดก่อโรค ชนิดมีประโยชน์ และชนิดไม่เกิดประโยชน์และโทษ (กลาง) หลักการสำคัญของ EM altคือไม่ใช่การบำบัดน้ำเสียโดยตรง แต่ใช้หลักการนำจุลินทรีย์ชนิดมีประโยชน์ไปแย่งอาหารจากจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่เป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสีย โดยได้มีการส่งเสริมให้ใช้ในเกษตรกรรมและประมงมาแล้วกว่า ๑๕ ปี มีองค์กรสนับสนุนให้นำไปใช้อย่างแพร่หลาย เริ่มจากใช้น้ำจุลินทรีย์เพื่อปรับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่มีน้ำเน่าเสียเป็นเวลานาน และได้พัฒนาจากชนิดน้ำให้เป็นแบบก้อนลูกบอลล์ เนื่องจากเมื่อใช้แบบน้ำได้ระยะหนึ่งพบว่า ไม่สามารถปรับสภาพน้ำเสียที่ลึกลงไปบริเวณก้นน้ำได้ จึงได้แปรสภาพการผลิตให้เป็นแบบก้อน ซึ่งภายหลังจากการนำไปใช้พบว่ามีการเพิ่ม O2 และลดก๊าซมีเทนในน้ำได้เป็นอย่างดี

 

เรียนรู้ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่การปฏิบัติ

          ภายหลังจากที่มีการแพร่หลายของกลุ่มเกษตรพึ่งพาธรรมชาติและปัญหามลภาวะจากการใช้สารเคมีจำนวนมาก ก็ทำให้มีกลุ่มปราชญ์ชาวบ้านที่สนใจในการใช้วิถีธรรมชาติเพื่อดำรงชีวิตมากขึ้น ขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดชลบุรี ก็เป็นกลุ่มหนึ่งที่เริ่มสนใจการใช้วิถีธรรมชาติเนื่องจากมีการใช้สารเคมีในพื้นที่อย่างแพร่หลายทำให้มีสารพิษตกค้างและส่งผลต่อสุขภาพของคนในชุมชนเกิดความเสียหายอย่างมาก จึงได้เรียนรู้วิธีการผลิตจากกสิกรรมธรรมชาติและนำมาใช้ในพื้นที่ชุมชนเกาะจันทร์ และชาวบ้านผลิต EM Ball กันเอง ใช้การพึ่งพาธรรมชาติให้มากที่สุดโดยใช้ข้าวเหนียวเป็นหัวเชื้อสร้างจุลินทรีย์จากดินในป่าไผ่ และสังเกตลักษณะภายนอกของเชื้อจุลินทรีย์ว่าสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ หากมีสีขาวก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนี้มีการผลิตน้ำหมักชีวภาพจากผลไม้ที่มีอยู่ในชุมชน เช่น มะนาว มะม่วง มะกรูด เป็นต้น เพื่อใช้รักษาโรคผิวหนัง น้ำกัดเท้า เป็นต้น จากการผลิตและใช้ในพื้นที่มาระยะหนึ่ง จึงได้เปรียบเทียบพบว่าพื้นที่ที่ใช้ EM Ball น้ำมีลักษณะใสสะอาดและผลผลิตทางการเกษตรดีกว่าพื้นที่ที่ไม่ใช้ เป็นผลจากการใช้ธรรมชาติดูแลซึ่งกันและกัน ทำให้สามารถควบคุมผลผลิต น้ำ และสภาพอากาศได้

         ขณะเดียวกัน ชาวชุมชนหลังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขตจตุจักร ก็ประสบปัญหาน้ำเสียใกล้แหล่งชุมชนที่ระบายออกมาทุกวันทำให้ต้องหาวิธีการปรับปรุงคุณภาพน้ำ จึงได้เรียนรู้วิถีการดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาธรรมชาติ และเรียนรู้การทำ “ดังโงะ” เป็นชื่อเรียก EM Ball ในภาษาญี่ปุ่น โดยใช้เปลือกสัปปะรดนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตได้อย่างดี หรืออาจใช้เปลือกผลไม้ที่มีสารเคมีน้อยที่สุดนำมาใช้หมักน้ำเชื้อจุลินทรีย์ ต้องมีการล้างทำความสะอาด และไม่ควรนำผักมาใช้เพราะมีสารเคมีอยู่มากและไม่เหมาะสมในการผลิต EM Ball มีกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างออกไปบ้างแต่ก็มีลักษณะใกล้เคียงกัน คือ ใช้ดินเหนียว รำหยาบ แป้งข้าวเหนียวที่มีเชื้อจุลินทรีย์อยู่มาคลุกเคล้าและเก็บอยู่ในอุณหภูมิห้อง กระบวนการผลิตต้องมีระยะเวลาในการเพาะเชื้อที่พอเหมาะ ห้ามตากแดด ประมาณ ๑๕ วันถึง ๑ เดือน นำไปใช้ปรับสภาพน้ำเสียให้ดีขึ้นได้ สิ่งที่ต้องระวังคือเพลี้ยแป้งและเพลี้ยกระโดดที่อาจส่งผลต่อการทำให้เกิดการเน่าเสีย หลังจากที่ผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์แล้วก็สามารถนำไปใช้เป็นน้ำยาซักผ้า น้ำยาสระผมได้อีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วชาวบ้านผลิตใช้กันในครัวเรือนเท่านั้น แต่ก็มีชุมชนบ้านไร่ จ.อุบลราชธานี นำสูตรนี้ไปใช้ในพื้นที่ได้ผลดีเช่นกัน ประเด็นสำคัญของการทำให้คุณภาพ EM มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล คือ ระยะเวลาการเพาะเชื้อที่พอเหมาะพอควรและใช้ให้เหมาะสมกับสภาพน้ำด้วย มีตัวอย่างพื้นที่ที่นำไปใช้และได้ผลดี เช่น ชุมชนวัดกลางเคยมีขยะและน้ำเน่าเสียจำนวนมาก หลังจากได้มีการนำจุลินทรีย์มาใช้ก็ทำให้ปัญหาน้ำเน่าเสียลดลงได้ หรือบางพื้นที่ใช้ระบบน้ำหยดเพื่อบำบัดน้ำเสียได้ผลอย่างดีเช่นกัน

         อีกพื้นที่หนึ่งที่มีตัวอย่างการใช้ EM Ball ได้ผลอย่างดี คือ ชุมชนบางบัว กรุงเทพฯ เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ตลอดแนวคลองบางบัวเป็นคลองสาขาจากคลองรังสิตผ่านคลองลาดพร้าวและเชื่อมต่อกับคลองแสนแสบ ชุมชนบางบัวมีการเรียนรู้และผลิตน้ำหมักชีวภาพเพื่อบรรเทาน้ำเน่าเสียในคลองมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นผลชัดเจนในพื้นที่ตนเองเพราะลักษณะน้ำในคลองไหลอยู่ตลอดเวลา จึงต้องไปใช้ในบริเวณน้ำนิ่ง เช่นเดียวกับ ชุมชนร่วมใจพัฒนาเหนือ (คลองบางบัวเหนือ) เขตสายไหม ได้ทดลองทำและใช้ด้วยตัวเองผ่านการเรียนรู้จากอาจารย์ผู้รู้ต่างๆ โดยวิธีการผลิตใช้การหมักเปลือกผลไม้ เช่น ส้ม สัปปะรด เป็นต้น อัตราส่วนเปลือกส้มต่อกากน้ำตาลต่อน้ำ เป็น ๓:๑:๑๒ หมักในถังทึบแสงประมาณ ๔๕ วันหรือถึง ๓ เดือน และหากนำไปใช้ให้เอาน้ำหมัก ๑ ลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร ผสมและนำไปเทราดหรือรดในบริเวณที่มีน้ำเน่าเสีย พบว่ากลิ่นน้ำขยะเน่าเสียไม่มี ซึ่งจากการใช้มาระยะหนึ่งมีข้อสังเกตว่า การใช้น้ำหมักจุลินทรีย์ต้องใช้ในบริเวณน้ำนิ่งไม่ลึกมาก แต่การใช้ EM Ball ใช้สำหรับน้ำนิ่งและลึกเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีผลการนำไปใช้กับสัตว์ เช่น สุกร โดยนำน้ำผสมหัวเชื้อให้สุกรดื่มพบว่า กลิ่นมูลสุกรมีน้อยลงอีกด้วย

          นอกจากการผลิตและใช้ภายในกลุ่มชาวบ้านหรือชุมชนต่างๆ แล้ว หน่วยงานอย่างการเคหะแห่งชาติ ได้นำแนวคิดนี้มาใช้กับโครงการบ้านเอื้ออาทร เนื่องจากการใช้ระบบบำบัดน้ำเสียโดยทั่วไปต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก จึงได้หาทางเลือกอื่นเพื่อบำบัดน้ำเสียในชุมชน จึงได้ร่วมมือกับมูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(คิวเซ) นำ EM ทั้งแบบก้อนและน้ำมาใช้ พบว่าค่า BOD ใกล้เคียงกับค่าเกณฑ์มาตรฐานรับรอง นอกจากนี้ชุมชนได้มีการแปรรูป EM แบบน้ำผลิตเป็นน้ำยาต่างๆ ในครัวเรือนอีกด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้งาน การเคหะแห่งชาติได้เสนอให้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นศึกษาวิจัยการใช้ EM ผลการวิจัยพบว่า หากใช้ในอัตราส่วนน้ำ EM ๑ ลิตรต่อน้ำเปล่า ๘๐๐ ลิตร สามารถลดกลิ่นน้ำเน่าเสียลงได้และน้ำใสขึ้น แต่ค่า BOD ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งได้มีการนำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ เช่น ลพบุรี อุทัยธานี เพื่อช่วยบรรเทาน้ำเน่าเสียลงได้เช่นกัน หรือในชุมชนวัดตึก กรุงเทพมหานคร ซึ่งประสบปัญหาน้ำเน่าเสียจากขยะในบริเวณรอบๆ ชุมชน ได้มีการทดลองใช้ EM พบว่านอกจากจะลดกลิ่นน้ำเน่าเสียได้แล้วยังสามารถลดการเจริญเติบโตของยุงได้อีกด้วย

           ความคิดเห็นของชาวบ้านต่อข้อถกเถียงเกี่ยวกับการนำ EM Ball ไปใช้ก็คือ ชาวบ้านอยากรู้ว่า “การนำไปใช้จริง” กับ “ผลการทดลองทางวิชาการ” ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ตรงกันหรือไม่? เพราะจากที่ทดสอบและทดลองด้วยตัวเองก็ยังไม่เห็นว่าเกิดผลเสียอย่างไร จึงอยากให้มีหน่วยงานทดสอบหรือทดลองว่า EM สามารถบำบัดน้ำเสียได้จริงหรือไม่?

            altalt

 

มุมมองนักวิชาการ: จากทฤษฎีสู่ปฏิบัติจริง

          ในมุมของนักวิชาการก็มีการนำไปใช้ในที่ต่างๆ และได้เสนอข้อคิดเห็นหลากหลายเริ่มจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่พบปัญหาน้ำเสียจากโรงงานแป้งมัน จึงต้องการลดค่า COD, BOD และการเกิดก๊าซชีวภาพ จึงนำ EM Ball ไปใช้ในบ่อน้ำเสียระบบปิดและพบว่าได้ผลดี คุณภาพน้ำดีขึ้น ซึ่งจากการสังเกตและใช้สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ชนิด ปริมาณและสัดส่วนจุลินทรีย์ใน EM Ball และแหล่งน้ำที่จะนำไปใช้ให้ได้ผล ทั้งนี้การใช้ประโยชน์ต้องดูว่ามีความเหมาะสมด้วย ซึ่งหากพิจารณาในแง่วิชาการ “ง้วนดิน” หรือ “จอมปลวก” มีสารอาหารอยู่เยอะมากและสามารถมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ซึ่งกรรมวิธีการผลิต EM Ball ที่มีดินเป็นองค์ประกอบก็น่าจะมีส่วนทำให้เกิดประโยชน์ในการนำไปใช้ได้เช่นกัน ซึ่งตามสูตร พด.๖ ของกรมพัฒนาที่ดิน มีการผลิตและนำไปใช้ได้อย่างดีและแพร่หลายมาก

          ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียมีหลายหน่วยงานพัฒนาการผลิต EM Ball ที่มีความหลากหลาย เช่น องค์การเภสัชกรรม กรมพัฒนาที่ดิน องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยงอย่างยั่งยืน (DASTA) เป็นต้น ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็มีการนำไปใช้และได้ผลเป็นอย่างดี ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันและไม่ก่อให้เกิดความสับสนในการใช้ประโยชน์ EM Ball กระทรวงวิทยาศาสตร์ จึงเข้ามามีส่วนช่วยประสานในการรวบรวมข้อมูลการใช้งานที่ยังอาจอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด แต่หากนำมาใช้ในพื้นที่ขยายอาจต้องดูถึงประสิทธิผลของการใช้งานจริงต่อไป ขณะนี้ยังไม่มีเกณฑ์มาตรฐานที่แน่ชัดในการใช้ประโยชน์ EM Ball การใช้ประโยชน์ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน จึงควรนำข้อมูลทั้งหลายที่มีอยู่มาเผยแพร่ให้เห็นข้อดี ข้อเสียในการใช้ EM Ball และกระบวนการผลิตก็มีความแตกต่างกัน ประสิทธิภาพในการใช้จึงออกมาแตกต่างกัน ดังนั้น จึงต้องมีการควบคุมคุณภาพการผลิตเพื่อไม่ให้เกิดข้อถกเถียงในประสิทธิภาพการใช้ EM Ball เช่นกัน

          บางทัศนะได้เสนอข้อเท็จจริงประการหนึ่ง มีการตรวจพิสูจน์ในห้องทดลองโดยนำน้ำที่ใช้ EM ball ใน ๕ แหล่ง พบว่ามีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายมีอยู่ในปริมาณมาก ซึ่งการนำไปใช้อาจมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และในบางพื้นที่อาจมีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมในการใช้ เพราะหากใช้อาจทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้และส่งผลเสียในระยะยาวได้ ทั้งนี้ วัตถุดิบในการผลิตมาจากหลายแหล่งและแหล่งผลิตเหล่านั้นก็อาจไม่ได้มีการควบคุมอย่างเหมาะสมทำให้แทนที่จะเกิดประโยชน์แต่อาจก่อให้เกิดโทษก็เป็นได้

 

          ขณะนี้มีหลายหน่วยงานพยายามเข้ามาช่วยเหลือ ฟื้นฟูผลจากภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งสิ่งที่ต้องทำในลำดับแรกๆ คือการบรรเทาน้ำเน่าเสียเพื่อให้พื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเป็นปกติ แต่ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการใช้ EM Ball ว่าสามารถใช้ได้จริงหรือไม่? ขาดการประสานงานเชื่อมโยงให้เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ และภูมิปัญญาท้องถิ่น อย่างชัดเจน จึงมีข้อเสนอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ เป็นหน่วยงานเชื่อมประสานให้เกิดการดูแลให้เกิดการใช้ประโยชน์จาก EM Ball ให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น ควรรวบรวมข้อมูลจากทั้งที่ได้จากภูมิปัญญาชาวบ้าน หน่วยงานที่มีการผลิตและใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย และนักวิชาการ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง alt

 

         ถึงแม้ขณะนี้ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปของการนำไปใช้ EM Ball ว่าเกิดประโยชน์ได้จริงหรือไม่? แต่อย่างน้อยก็นำไปสู่แนวทางแรกเริ่มในการจัดการกับข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่จำนวนมาก แต่ยังขาดการจัดการอย่างเหมาะสม การเชื่อมโยงข้อมูลความรู้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ และภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดการนำข้อมูลไปใช้อย่างผิดๆ เพราะผลเสียที่ได้รับอาจหมายถึงความเชื่อมั่นของคนในสังคมลดลงและแผ่ขยายนำไปสู่ปัญหาสังคมอื่นๆ ตามมาก็เป็นได้

 

 

          ปัญหาความไม่สมดุลย์ในการใช้ทรัพยากรทั้งหลายนำไปสู่ปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายและส่งผลเสียต่อการดำรงชีวิตของคนจำนวนมาก ปัญหาการจัดการผังเมืองที่มีการรุกล้ำพื้นที่น้ำผ่าน (Flood way) นำไปสู่หายนะของประเทศครั้งใหญ่ ผลที่ตามมาก็คือ การเกิดน้ำเน่าเสียเป็นวงกว้าง ดังนั้น การใช้ EM Ball จึงเป็นทางเลือกในการพัฒนาคุณภาพน้ำให้เกิดการฟื้นฟูที่ดีขึ้น แต่การนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์นั้นยังต้องมีการทดลอง พิสูจน์ต่อไปว่าได้ผลจริงหรือไม่ มีข้อจำกัดในการนำไปใช้อย่างไร ข้อมูลเหล่านี้ยังต้องมีการนำมาเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับทราบ โดยอาศัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาประสานเชื่อมโยงข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ EM Ball ให้เกิดประโยชน์ต่อไป

 

แบ่งปัน
Submit to FacebookSubmit to Google PlusSubmit to Twitter