ชุมชนวัดบางบัว/ “สมคิด สมศรี” ผอ.กองอำนวยการร่วมพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชมริมคลองฯ ร่วมงาน “ขยับพื้นที่เพื่อบ้านหลังใหม่เพิ่มพลังใจให้ชาวชุมชนวัดบางบัว" โดยชาวบ้านเริ่มรื้อถอนบ้านเฟสแรกจำนวน 40 หลัง เพื่อให้บริษัทรับเหมาสร้างเขื่อนระบายน้ำตอกเสาเข็มก่อน หลังจากนั้นในเดือนมีนาคมจึงจะเริ่มสร้างบ้านเพื่อป้องกันผลกระทบจากการตอกเสาเข็ม ใช้เวลาสร้างบ้านใหม่ 6 เดือน ขณะที่ พอช.มอบงบสนับสนุนพัฒนาที่อยู่อาศัยเบื้องต้น 25 ล้านบาทเศษ แนะชาวบ้านให้ดูชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญเป็นตัวอย่างการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยมีหลายหน่วยงานร่วมสนับสนุน
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2560 เวลา 15.00 น. ที่ชุมชนวัดบางบัว ซอยพหลโยธิน 46 เขตจตุจักร มีการจัดงาน "ขยับพื้นที่เพื่อบ้านหลังใหม่ เพิ่มพลังใจให้กับชาวชุมชนวัดบางบัว" โดยมีนายสมคิด สมศรี อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการร่วมพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองและเจ้าพระยา (กอร.ชค.) และนายสมชาติ ภาระสุวรรณ รองผู้อำนวยการ รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คสช. ตำรวจ กทม. และชาวชุมชนริมคลองเข้าร่วมงานประมาณ 100 คน ซึ่งการจัดงานในวันนี้นายสมคิดได้มอบงบประมาณสนับสนุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนวัดบางบัวเฟสแรก (จำนวน 40 หลัง) จาก พอช.ให้แก่ตัวแทนชุมชนเป็นเงินจำนวน 25,083,600 บาท
ชุมชนวัดบางบัวมีบ้านเรือนทั้งหมด 104 ครัวเรือน มีพื้นที่ทั้งหมด 3 ไร่เศษ สภาพบ้านเรือนแออัดและทรุดโทรม ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินริมคลองลาดพร้าว ซึ่งกรมธนารักษ์ดูแลอยู่ เริ่มรื้อย้ายบ้านตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ตั้งเป้าหมายจะรื้อย้ายบ้านเฟสแรกจำนวน 40 หลังให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมนี้ เพื่อให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างเขื่อนเข้ามาตอกเสาเข็ม สร้างเขื่อนระบายน้ำในพื้นที่ริมคลองชุมชนวัดบางบัวช่วงแรก ระยะทางประมาณ100เมตร (หากสร้างบ้านก่อนตอกเสาเข็มสร้างเขื่อนฯ อาจจะทำให้บ้านแตกร้าวได้) หลังจากนั้นภายในเดือนมีนาคมนี้ จะเริ่มสร้างบ้านเฟสแรกทั้ง 40 หลัง ใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 6 เดือน สำหรับแบบบ้านมี 2 แบบ คือ ครอบครัวสิทธิ์หลัก แบบบ้าน 2 ชั้น ขนาด 3.7x7 ตารางเมตร และครอบครัวสิทธิ์รอง (ครอบครัวขยายที่มีจำนวนสมาชิกในครัวมาก) แบบบ้าน 3 ชั้น ขนาด 3.7x7 ตารางเมตร
นายมานะ แซ่ด่าน ประธานกลุ่มออมทรัพย์ชุมชนวัดบางบัว กล่าวว่า ชาวบ้านร่วมกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ฯ เมื่อเดือนเมษายน 2559 โดยในช่วงแรกมีชาวบ้านเข้าร่วมประมาณ 30 ครอบครัว หลังจากมีการจัดเวทีชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านในเดือนมิถุนายนแล้ว ในเดือนต่อๆ มาสมาชิกจึงเพิ่มขึ้น และต่อมาในเดือนธันวาคมจึงได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงคลองลาดพร้าวจตุจักร จำกัด เพื่อเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์ จนถึงปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 66 ครอบครัว มีเงินออมรวมกันทั้งหมดประมาณ 1.1 ล้านบาท โดยชาวบ้านมีความต้องการที่จะมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงให้แก่ครอบครัวและลูกหลาน ขณะเดียวกันก็เป็นการทำตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อจะได้พัฒนาคลองให้มีความสะอาดและสวยงาม รวมทั้งช่วยระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ด้วย
นายสมชาติ ภาระสุวรรณ รักษาการ ผอ.พอช.กล่าวว่า ต่อไปชาวชุมชนวัดบางบัวจะมีพื้นที่อยู่อาศัยอย่างสุขสบาย มีพื้นที่พักผ่อนและออกกำลังกาย จากเดิมที่มีสภาพเป็นชุมชนแออัด และจะมีสถานที่ค้าขายในชุมชนด้วย เพราะชุมชนอยู่ในย่านเศรษฐกิจ ใกล้กับมหาวิทยาลัยศรีปทุมและหน่วยงานราชการหลายแห่ง และตนอยากให้ชาวชุมชนได้ไปดูตัวอย่างที่ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ ซึ่งขณะนี้กำลังจะก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จ มีบ้านใหม่ที่มั่นคงสวยงาน โดยมีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยสนับสนุน เช่น บริษัท TOA จะนำสีทาบ้านมามอบให้แก่ชาวบ้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์จะนำถังบำบัดน้ำเสียมาสนับสนุนเพื่อบำบัดน้ำทิ้งในชุมชนก่อนปล่อยลงคลอง นอกจากนี้ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญจะเป็นชุมชนริมคลองแห่งแรกที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะมาเปิดงานพัฒนาที่อยู่อาศัยและมอบบ้านจำนวน 64 หลังให้แก่ชาวชุมชนภายในเดือนมีนาคมนี้
"การพัฒนาชุมชนนั้น ชาวบ้านจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ไม่ใช่ปล่อยให้คนใดคนหนึ่งทำ สำหรับการรื้อบ้านของชุมชนวัดบางบัวในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น แม้ว่าจะมีชาวชุมชนบางส่วนที่ยังไม่เข้าร่วม แต่เพื่ออนาคตของลูกหลาน ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงเข้าร่วมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างชุมชนใหม่ ในฐานะตัวแทนของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ผมจึงขอแสดงความยินดีกับชาวชุมชนวัดบางบัวในวันนี้" นายสมชาติกล่าว
นายสมคิด สมศรี ผอ.กอร.ชค. กล่าวว่า การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยมีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ โดยมีตนในฐานะ ผอ.กอร.ชค.เป็นผู้ประสานงาน มีพอช.เป็นหน่วยงานหลักและทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวง พม. กทม. กรมธนารักษ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ตำรวจ ทหาร ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมาการทำงานที่อยู่อาศัยไม่สำเร็จเพราะมีการแบ่งกลุ่มแบ่งพวก แต่รัฐบาลชุดนี้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงาน เพื่อให้ชาวบ้านริมคลองมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และถือว่าเป็นงานของประเทศ ไม่ใช่เป็นผลงานของหน่วยงานใดเพียงหน่วยงานเดียว
"คนที่อยู่ในคลองทุกคนที่ได้รับผลกระทบจะได้รับสิทธ์ ได้อยู่บ้านมั่นคง และจะไม่มีการสวมสิทธิ์อย่างเด็ดขาด ซึ่งในวันนี้ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ของชาวชุมชนวัดบางบัว ผมจึงอยากให้พี่น้องมาเข้าร่วมโครงการด้วยความสมัครใจ ส่วนคนที่ยังไม่เข้าร่วมหน่วยงานอื่นก็จะมาดำเนินการต่อไป และหากมาเข้าร่วมภายหลังก็อาจจะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ส่วนคนที่เข้าร่วมโครงการในวันนี้ อีกไม่เกิน 8 เดือนก็จะได้เข้าอยู่บ้านใหม่อย่างที่ท่านต้องการ มีสภาพแวดล้อมที่ดีและมีอนาคตให้ลุกหลาน นอกจากนี้ชาวบ้านก็จะมีรายได้จากการเปิดพื้นที่ริมคลองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปในอนาคตด้วย" นายสมคิดกล่าว
ทั้งนี้พอช. ได้อนุมัติงบสาธารณูปโภค รวม 3,300,000 บาท งบอุดหนุนช่วยเหลือ รวม 6,402,000 บาท สินเชื่อ รวม 15,381,600 บาท รวมงบประมาณทั้งหมดจำนวน 25,083,600 บาท
รายงานโดย งานสื่อสารองค์กร พอช.