playlists faocebook CODINew icon_tw Intranet mail
ภาษาไทย english หน้าหลัก

                                                                                                                              โดยสุวัฒน์คงแป้น / ชณาฎา เวชรังษี

          เทศบาลตำบลควนเสาธง อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ลักษณะภูมิประเทศ ประกอบด้วยเนินสูงทางทิศตะวันตก ลาดต่ำลงมาทิศตะวันออก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ มีพื้นที่ประมาณ 53.69 ตารางกิโลเมตร หรือประประมาณ 32,594 ไร่ การปกครองแบ่งเป็น 11 หมู่บ้าน อาชีพส่วนใหญ่ทำการเกษตร สวนยางพารา สวนผลไม้ อาทิ ทุเรียน มังคุด ลองกอง เป็นต้น ถือได้ว่ามีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีแม่น้ำลำคลองหลายสาย

74785.jpg

นายเจ๊ะโขด หมานหมัด ประธานสภาองค์กรชุมชนตำบล เล่าว่า วิถีชีวิตของคนในเทศบาลตำบลควนเสาธง อยู่ร่วมกันเป็นเครือญาติ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายที่ไม่มีความความขัดแย่งต่อกัน มีความสามัคคีของคนสองศาสนาพุทธ และมุสลิม ที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข การทำมาหากินของคนในชุมชนแบบพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีความอุดมสมบูรณ์ ถือว่าเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของคนที่นี่ และด้วยเหตุที่เป็นแหล่งปลูกผลไม้ และสภาพป่าเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์จึงเป็นที่มาของอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้ของคนในชุมชนขณะนี้ คือ การเลี้ยงผึ้งโพรงไทย

Khuan Sao Thong1.jpg

การเลี้ยงผึ้งโพรงไทย ที่ผ่านมามีการขยายตัวเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะในจังหวัดพัทลุง มีการเลี้ยงผึ้งแทบทุกอำเภอ แต่ที่เลี้ยงมากที่สุดในขณะนี้คืออำเภอตะโหมด ซึ่งสามารถเลี้ยงได้ตั้งแต่พื้นที่เทือกเขาบรรทัดไปถึงริมทะเลสาบสงขลาเลยที่เดียว และเทศบาลตำบลควนเสาธงเป็นพื้นที่หนึ่งที่ติดกับเทือกเขาบรรทัดมีป่าไม้ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเลี้ยงผึ้งโพรงอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเลี้ยงผึ้งโพรงไทยที่ผึ้งหาเกสรดอกไม้ตามธรรมชาติเองได้ ที่มีความแตกต่างจากภาคอื่นที่เลี้ยงผึ้งโดยการอาศัยเกสรดอกไม้เพียงอย่างเดียว

ในปี พ.ศ. 2556 สำนักงานเกษตรอำเภอ มีนโยบายจากรัฐบาล ในการส่งเสริมกลุ่มอาชีพต่างๆของตำบล มีการสำรวจข้อมูล พร้อมมีเจ้าหน้าที่เข้ามาอบรมให้ความรู้แก่พี่น้องของแต่ละกลุ่มอาชีพ และหนึ่งในนั้น คือ กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไทย (เลี้ยงแบบธรรมชาติ) เป็นจุดเริ่มของการรวมตัวของกลุ่มคนผู้เลี้ยงผึ้งโพรงไทย (ที่ต่างคนต่างทำ) ขึ้น สมาชิกเริ่มแรกประมาณ 8 คน จากความรู้ที่ได้บวกกับประสบการณ์ที่มี นำมาประยุทธใช้และได้มีการพัฒนาวิธีการเลี้ยงผึ้งโพรงไทยอย่างต่อเนื่อง

74784.jpg

นายฉาด โต๊ะหมา สมาชิกกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไทย ได้บอกถึงวิธีการเลี้ยงผึ้งให้ฟังว่า ต้องเริ่มจากการมีสถานที่เหมาะสม คือ อยู่ในสวนผลไม้หรือสวนที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเลี้ยงผึ้งโพรงไทย ได้แก่ 1) รังเลี้ยงผึ้ง 2) คอนผึ้งที่เป็นส่วนสำคัญในการยึดรวงผึ้ง 3) ชุดป้องกันผึ้งต่อยเป็นชุดง่ายที่มีอยู่ กางเกงขายาว เสื้อแขนยาวที่มีความหนาพอไม่ให้ผึ้งต่อยได้ง่าย  4) หมวกกันผึ้งต่อย ใช้วัสดุพื้นบ้าน คือ ใช้ตาข่ายถี่ที่ผึ้งรอดเข้าไปไม่ได้ทำเป็นหมวกครอบศีรษะ โดยด้านล่างใช้ผ้าเย็บยาวลงมาเพื่อปิดช่วงบริเวณลำคอ ส่วนด้านหน้าจะทำเป็นตาข่ายปิดช่วงระหว่างดวงตา เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในขณะปฏิบัติงาน 5) แปรงปัดตัวผึ้ง เป็นแปรงที่มีขนอ่อนนุ่มไม่ทำอันตรายต่อตัวผึ้ง ใช้สำหรับปัดตัวผึ้งลงในรังหรือในช่วงตัดรวงผึ้งกับคอนผึ้ง 6) เครื่องพ่นควันสยบผึ้ง เป็นเครื่องมือสำคัญที่นักเลี้ยงผึ้งต้องมีในการที่จะทำการเก็บรวงผึ้ง เพื่อไม่ให้คนกับตัวผึ้งปะทะกัน 7) กลักขังนางพญา การนำตาข่ายอลูมิเนียมที่มีขนาดเท่ากล่องไม้ขีดไฟ ใช้สำหรับจับผึ้งนางพญาขังไว้กับคอนผึ้ง 8) มีด ใช้สำหรับตัดรวงผึ้งเข้ากับคอน 9) ลวดสแตนเลสขนาดเล็ก สำหรับใช้ขึงคอนยึดกับรวงผึ้ง 9) ไขผึ้ง สำหรับทาฝารัง หรือข้างกล่องรังผึ้ง เพื่อเป็นการล่อให้ผึ้งเข้ารัง สุดท้าย 10) อุปกรณ์อื่นๆ ภาชนะสำหรับใส่รวงผึ้งและน้ำผึ้ง หรืออุปกรณ์ทางการช่าง เช่น ค้อน ตะปู คีม ตะปู เลื่อย กรรไกร ฯลฯ 

Khuan Sao Thong3.jpg

การเก็บผลผลิตน้ำผึ้งโพรงไทย เก็บในช่วงเดือนห้า หรือประมาณเดือนเมษายน เนื่องจากเป็นช่วงหน้าแล้ง ดอกไม้ทั้งหลายกำลังบาน น้ำผึ้งที่เก็บในช่วงนี้จะมีความชื้นน้อย มีความเข้มข้นมากประกอบกับอยู่ในฤดูใบไม้ผลิทำให้มีเกสรดอกไม้หลากหลายชนิดในน้ำผึ้งมีคุณภาพทางโภชนาการสูง อย่างที่ทราบกันดีว่าน้ำผึ้งเป็นน้ำตาลกลูโคส ซึ่งดูดซึมไปใช้ในร่างกายได้ง่าย ทำให้มีการใช้ในการบำรุงสุขภาพ เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงมีความเชื่อกันว่าเกสรดอกไม้ที่ผึ้งเก็บมาจากป่าในเดือนห้านั้น จะได้จากสมุนไพรหลากหลาย (จากดอกไม้หลากพันธุ์ที่มีอยู่ตามป่าบนเทือกเขาบรรทัดนั่นเอง) จะทำให้ได้น้ำผึ้งที่มีคุณภาพสูงและเป็นที่นิยมกัน

Khuan Sao Thong4.jpg

น้ำผึ้งที่เก็บได้ ประมาณ 5-7 ขวดต่อรัง ในหนึ่งครอบครัวจะมีรังผึ้งโพรงไทย เฉลี่ยประมาณ 10-12 รัง ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ โดยในปีหนึ่งๆผลผลิตที่ได้ประมาณ 50-60 ขาด ราคาที่ซื้อขายอยู่ที่ขวดละ 500 บาท ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวน 20 คน มีรายได้ต่อการเลี้ยงผึ้งโพรงไทย ประมาณ 5,000-10,000 บาทต่อครัวเรือน ที่ถือว่าเป็นรายได้เสริมจากการทำสวยยางพาราที่ส่งผลให้ครอบครัวในเทศบาลตำบลควนเสาธง มีรายรับเพิ่มขึ้น ปลดหนี้สิน มีชีวิตที่มั่นคงและมีความสุขมากขึ้น

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 สภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลควนเสาธง ได้จัดตั้งขึ้น มีสมาชิก 21 คน มีกลุ่มองค์กรที่เข้าร่วม จำนวน 10 กลุ่ม ในจำนวนหมู่บ้าน 7 หมู่บ้าน ประกอบด้วย 1) กลุ่มเลี้ยงไก่พื้นบ้าน 2) กลุ่มเลี้ยงแพร 3) กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไท หมู่ 4 4) กลุ่มออมทรัพย์ หมู่ 1 5) กลุ่มเลี้ยงปลา 6) กลุ่มแปรรูปอาหารและขนม 7) กลุ่มเลี้ยงปลา หมู่ 10 8) กลุ่มเลี้ยงปลา 9) กลุ่มทำขนม และ 10) กลุ่มเลี้ยงผึ้ง เป็นการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลควนเสาธง เพื่อเป็นกลไกกลางในการเชื่อมโยงประสานการทำงานของกลุ่มองค์กรต่างๆในระดับตำบล การพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนมีอาชีพ มีรายได้ นำไปสู่การมั่นคง และสงบสุข โดยสภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลควนเสาธง เน้นการสนับสนุนกลุ่มอาชีพต่างๆ ในตำบล อาทิ กลุ่มทำขนม กลุ่มเลี้ยงปลา กลุ่มเลี้ยงแพะ กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไท เป็นต้น เพื่อเป็นเวทีกลางให้สมาชิกได้มีวงพูกคุยปัญหาของแต่ละกลุ่ม พร้อมแนวทางแก้ไขร่วมกัน อีกทั้งเป็นกลไกกลางในการเชื่อมโยงประสานงานกับหน่วยงาน ภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายของสภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลควนเสาธง ต่อไป

“กลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไทยเริ่มพบกับปัญหา เนื่องจากที่ผ่านมาคิดแต่เรื่องการผลิตน้ำผึ้ง แต่ไม่คำนึงถึงการตลาด (ไม่รู้จะไปขายที่ไหน) ทำให้ต้องออกเงินส่วนตัว จำนวน 5,000 บาท เพื่อรับซื้อน้ำผึ้งจากกลุ่มและนำไปขายเอง ขายได้บ้างแต่ไม่ได้ทั้งหมดที่เหลือต้องเก็บไว้เอง กำไลไม่ได้ขาดทุนอีกต่างหาก สมาชิกก็เริ่มมีผลกระทบขาดรายได้ที่จะนำไปเลี้ยงครอบครัว เกิดภาวะหนี้สินตามมา” นายฉาด โต๊ะหมา สมาชิกกลุ่มเลี้ยงผึ้งโพรงไทย กล่าว

Khuan Sao Thong5.jpg

จาการวางแผนยุทธศาสตร์ตำบลในทุกมิติ โดยสภาองค์กรชุมชนเทศบาลตำบลควนเสาธง พบว่ายังมี อุปสรรค คือ 1) ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ  2) ไม่มีคลาดรองรับ ผลผลิตในชุมชน 3) พื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่ไม่มีระบบน้ำ และ 4) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนล่าช้า จึงกำหนดกิจกรรมที่ขับเคลื่อน 5 เรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้น คือการสนับสนุนให้มีการเลี้ยงผึ้งโพรงกันทุกบ้าน

 “เรื่องคุณภาพเรารับประกันได้เพราะเราเลี้ยงตามธรรมชาติ ถ้าเลี้ยงผึ้งธรรมชาติได้แสดงว่าปลอดภัยจากสารพิษ มิเช่นนั้นผึ้งจะกินเกสรดอกไม้ไม่ได้”  “หากเราแก้ปัญหาด้านการตลาดตามแผนที่วางไว้ได้ เชื่อว่า น้ำผึ้งของเราจะมีตลาดที่กว้างขึ้นทำให้ชาวบ้านมีอาชีพมั่นคง” บังโขด ตั้งความหวัง

74794.jpgKhuan Sao Thong7.jpgKhuan Sao Thong8.jpg

 

 

แบ่งปัน
Submit to FacebookSubmit to Google PlusSubmit to Twitter