ทำเนียบรัฐบาล/ ที่ประชุม ครม.เห็นชอบอนุมัติงบบ้านมั่นคงเพิ่มอีก 9,800 บาทต่อครัวเรือน จากเดิม 80,000 บาทเป็น 89,800 บาทต่อครัวเรือน เริ่มในปีงบประมาณ 2563 ตามที่กระทรวง พม.เสนอ เนื่องจากค่าก่อสร้างและวัสดุมีราคาสูงขึ้น ทำให้งบประมาณตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปีของ พอช.เพิ่มขึ้นกว่า 6,500 ล้านบาท
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (25 มิถุนายน) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการเพิ่มกรอบวงเงินสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคงจากเดิม 80,000 บาท/ครัวเรือน เป็น 89,800 บาท/ครัวเรือน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยจะเริ่มมีผลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
ทั้งนี้โครงการบ้านมั่นคงเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2546 เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชนที่มีรายได้น้อย ทั้งในเมืองและชนบท โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จนถึงปัจจุบันสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตที่ดีไปแล้วประมาณ 100,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ
ในปี 2560 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เสนอ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ มีเป้าหมายสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยตามโครงการบ้านมั่นคงเมืองและชนบท โครงการบ้านพอเพียงชนบท การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง และคนไร้บ้าน รวมทั้งหมดประมาณ 1 ล้านครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการบ้านมั่นคงที่ผ่านมาในปี 2553-2560 พบว่างบประมาณในส่วนพัฒนาสาธารณูปโภคและที่อยู่อาศัยที่เกิดขึ้นจริงไม่เพียงพอ เนื่องจากราคาการก่อสร้างที่อยู่อาศัยมีราคาสูงขึ้น ประกอบกับราคาวัสดุก่อสร้างที่ผ่านมา มีราคาสูงขึ้น ดังนั้นกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงขอปรับแนวทางการอุดหนุนและสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับงบประมาณพัฒนาสาธารณูปโภคและที่อยู่อาศัย โดยขอเพิ่มกรอบวงเงินสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคงจากเดิม 80,000 บาท/ครัวเรือน ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2552 เป็น 89,800 บาท/ครัวเรือน โดยจะเพิ่มในส่วนงบพัฒนาปรับปรุงชุมชน
ทั้งนี้การอนุมัติดังกล่าวจะเริ่มมีผลตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563 ซึ่งจะทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มงบประมาณรายจ่ายตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี จาก 55,200 ล้านบาท เป็น 61,793.342 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6,593.342 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 11.94)