เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ชาวบ้านชุมชนริมคลองลาดพร้าว โดย “เครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลอง” ได้รวมตัวกันกว่า 200 คน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม. เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างเขื่อนริมคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและจัดระเบียบชุมชนริมคลองที่ล่าช้าเกินกว่าเป้าหมาย โดยมีนายจักรพันธ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้แทนรับหนังสือ
ตัวแทนเครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลองให้เหตุผลในการเดินทางมาร้องเรียนต่อผู้ว่าฯ กทม.ว่า สาเหตุหลักเกิดจากกลุ่มที่ไม่เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ยอมรื้อย้ายบ้านเรือนที่ปลูกสร้างรุกล้ำริมคลองลาดพร้าวออกจากแนวการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร ทั้งยังเกิดการกระทบกระทั่งกันของชาวบ้านทั้งสองฝ่าย จึงมาขอให้ทางกรุงเทพมหานครดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และ ปว.44 (ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 44) กับบ้านที่ก่อสร้างรุกล้ำริมคลองที่ไม่เข้าร่วมโครงการฯ และหากไม่รีบดำเนินการจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตทุกเขตในพื้นที่ที่ดำเนินโครงการในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
นายวีรเดช สมอาสา ตัวแทนชุมชนรัชดาภิเษก-บางซื่อ กล่าวว่า ขณะนี้โครงการก่อสร้างเขื่อนริมคลองลาดพร้าว และคลองบางซื่อ ได้ดำเนินการมาจนถึงจุดที่ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ หากกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการอย่างจริงจังและเด็ดขาด โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และ ปว.44 กับกลุ่มผู้ไม่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งผู้ว่ากรุงเทพมหานครได้ประกาศให้สำนักงานเขตทุกเขตดำเนินการแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่มีสำนักงานเขตไหนที่จะบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างจริงจัง จึงอาจจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
“พวกเราจึงขอเรียกร้องให้ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เร่งรัด และมีคำสั่งอย่างเด็ดขาดไปยังสำนักงานเขตทุกเขต ให้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวโดยเร็ว โดยให้มีกำหนดระยะเวลาที่จะดำเนินการภายในระยะเวลากี่วัน หากทางกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตทุกเขตที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการตามที่ได้ประกาศวันและเวลาไว้เครือข่ายพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมคูคลอง จะร่วมกับชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 52 ชุมชน 7,314 ครัวเรือน แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการเขตทุกเขตในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป” นายวีรเดชกล่าว
ทั้งนี้โครงการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำคอนกรีตและจัดระเบียบชุมชนริมคลอง มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและแก้ไขปัญหาการบุกรุกคลอง โดยจะมีการก่อสร้างเขื่อนฯ ในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ ระยะทางรวม 31.9 กิโลเมตร ทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่อาศัยจำนวน 52 ชุมชน รวม 7,314 ครัวเรือน โดยรัฐบาลมีแผนงานรองรับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สนับสนุนงบประมาณตามโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนริมคลอง เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 ตามเป้าหมายจะแล้วเสร็จภายในปี 2562 แต่ติดอุปสรรคกลุ่มที่คัดค้านและไม่ยอมเข้าร่วมโครงการ ทำให้โครงการก่อสร้างเขื่อนฯ และพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนงาน
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ รวมทั้งหมด 50 ชุมชน จำนวน 7,069 ครัวเรือน มีผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 5,658 ครัวเรือน ไม่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 1,411 ครัวเรือน อยู่ในแนวเขื่อน จำนวน 526 ครัวเรือน นอกแนวเขื่อน จำนวน 885 ครัวเรือน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ จำนวน 2,856 ครัวเรือน ส่วนชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ ขณะนี้ก่อสร้างแล้ว 32 ชุมชน สร้างบ้านเสร็จแล้ว จำนวน 2,124 ครัวเรือน ดำเนินการใน 8 เขตริมคลองฯ คือ วังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง และสายไหม
ส่วนการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตและประตูระบายน้ำในคลองลาดพร้าว-คลองบางซื่อ (คลองบางบัว-คลองถนน-คลองสอง) ระยะทางทั้งสองฝั่ง 45 กิโลเมตรเศษ เริ่มจากบริเวณอุโมงค์เขื่อนพระราม 9 เขตวังทองหลาง ไปยังประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ เขตสายไหม เพื่อระบายน้ำลงสู่อุโมงค์คลองบางซื่อ อุโมงค์พระราม 9 ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาและทะเลต่อไป โดยบริษัทริเวอร์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด ประมูลงานได้ในวงเงิน 1,465 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือนกุมภาพันธ์ 2559 - มิถุนายน 2562 ขณะนี้บริษัทก่อสร้างเขื่อนฯ ได้ประมาณ 40 % จากปริมาณงานทั้งหมด